โอว์แม่สาวน้อย...หงส์มีเฮง"มิลเนอร์"กดจุดโทษเชือดสวอนซี 1-0 ขึ้นที่ 6

เดอะ ค็อปเกือบต้องผิดหวังในแอนฟิลด์อีกครั้งหลังทีมรักเจอเกมรับมหาอุดของสวอนซีจนแทบทำอะไรไม่ได้ก่อนมาส้มหล่นได้จุดโทษจากเจมส์ มิลเนอร์กัปตันทีมและเป็นประตูโทนพาลิเวอร์พูลชนะ 1-0 เป็น 3 แต้มในบ้านหนแรกนับตั้งแต่ชนะแอสตัน วิลล่าเมื่อเดือนกันยายนขยับขึ้นมาอยู่ที่ 6 แล้ว
ลิเวอร์พูล
Starting Formation: 4-5-1
22.
ซิมง มิโญเล่ต์
6.5
2.
นาธาเนี่ยล ไคลน์
6
6.
เดยัน ลอฟเรน
6
18.
อัลเบร์โต้ โมเรโน่
6
37.
มาร์ติน สเคอร์เทล
6.5
7.
เจมส์ มิลเนอร์
7
11.
โรแบร์โต้ ฟิร์เมียโน่
 64'
6.5
20.
อดัม ลัลลาน่า
6.5
23.
เอ็มเร่ ชาน
8
33.
จอร์ดอน ไอบ์
 90+4'
7
9.
คริสเตียน เบนเทเก้
 71'
5
ตัวสำรอง
34.
อดัม บ็อกดาน
4.
โคโล่ ตูเร่
 90+4'
6
56.
คอนเนอร์ แรนดอลล์
14.
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
 64'
6
24.
โจ อัลเลน
15.
แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์
 71'
6
27.
ดิว็อค โอริกี้
ผู้จัดการทีม
เยอร์เก้น คล็อปป์
พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สนาม แอนฟิลด์
อาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน 2558
กรรมการ แอนโธนี่ เทย์เลอร์
ลิเวอร์พูล
1
0
สวอนซี ซิตี้
1-0 เจมส์ มิลเนอร์ 62' (Pen.)
ลิเวอร์พูลชนะรวดสองเกมล่าสุดนัดนี้เยอร์เก้น คล็อปป์กลับมาใช้นักเตะชุดใหญ่ลงสนามอีกครั้งนำมาโดยเจมส์ มิลเนอร์, โรแบร์โต้ ฟิร์เมียโน่, อดัม ลัลลาน่าและคริสเตียน เบนเทเก้ส่วนที่หายไปคือฟิลิปเป้ คูตินโญ่ที่มีอาการบาดเจ็บและลูคัส เลว่าโดนแบนขณะที่ซุ้มม้านั่งสำรองมีชื่อของจอร์แดน เฮนเดอร์สันและแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ที่หายเดี้ยงกลับมารอโอกาสข้างสนาม ส่วนสวอนซี ซิตี้ฟอร์มไม่ค่อยดีเท่าไหร่แถมนัดนี้แกรี่ มังค์ไม่มีนักเตะหลายคนให้ใช้งานโดยแดนหน้าเป็นโอกาสของเอแดร์ได้ลงสนามต่อเนื่องอีกนัดแทนตำแหน่งของบาเฟติมบี้ โกมิสที่หลุดไปสำรองส่วนเจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่ปีกตัวจิ๊ดก็นั่งรอข้างสนามไปก่อนเช่นกัน
6'
บาร์ทลี่ย์เกือบยิงตัว
ลิเวอร์พูลได้เสียวก่อนเลยเมื่อลัลลาน่าแทงบอลทะลุช่องให้ไอบ์วิ่งควบเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วแต่ดันช้าไปหน่อยจังหวะจะยิงโดนบาร์ทลี่ย์พุ่งมาเสียบจากด้านหลังแล้วบอลไปชนเสาประตูตัวเองเรียกเอาแฟนทีมเยือนใจหายใจคว่ำในจังหวะนี้
14'
เบนเทเก้จับได้แต่อดยิง
หงส์แดงมาได้จังหวะอีกครั้งเมื่อชานเก็บตกบอลได้ตรงกลางสนามก่อนหยอดบอลอย่างงามให้เบนเทเก้จับบอลลงในกรอบเขตโทษแต่เสียหลักไปทำให้โดนนอห์ตันวิ่งตามมาเตะทิ้งไปได้ก่อน
21'
ลัลลาน่ากดติดบล็อค
เกมของเจ้าถิ่นยังไหลลื่นไม่มีสะดุดแล้วมาได้โอกาสอีกรอบเมื่อทำชิ่งกันจนบอลมาถึงลัลลาน่าจับได้ในกรอบเขตโทษแล้วพลิกจะยิงอยู่แล้วแต่โดนวิลเลี่ยมส์ปราดมาบล็อคบอลพ้นอันตรายออกไปได้อีกครั้ง
25'
มิลเนอร์สังเวยเหลืองแรก
ใบเหลืองแรกของเกมออกมาจนได้เมื่อสวอนซีพยายามสวนกลับเร็วตรงกลางสนามแล้วมิลเนอร์เข้าบอลพรวดจากด้านหลังเสียบใส่อายิวหน้าคะมำทำให้กรรมการวิ่งมาจดชื่อทันที
36'
เกมอัดกันแดนกลาง
เกมของทั้งสองทีมกลับมาอึดอัดกันอีกครั้งไม่ค่อยจะมีจังหวะยิงกันเท่าไหร่โดยเน้นปะทะกันที่แดนกลางมากกว่าโดนจังหวะนี้เบนเทเก้ไปชนกับเทย์เลอร์จังหวะขึ้นโขกบอลทำให้ดาวเตะสวอนซีต้องออกไปปญมพยาบาลก่อน
42'
โมเรโน่ปั่นฟรีคิกข้ามคาน
หงส์แดงมาได้ลุ้นจากจังหวะฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษระยะ 20 หลาเกือบกลางประตูพอดีแล้วเป็นโมเรโน่ที่รับอาสาปั่นด้วยซ้ายเองแต่บอลข้ามกำแพงแล้วก็ข้ามคานออกไปไกล
HALF TIME
49'
คีซัดไกลยังไกลเป้า
ลงมาในครึ่งหลังกลับเป็นสวอนซีที่ต่อบอลทำเกมบุกเข้าใส่เจ้าถิ่นและมาได้จบเมื่อซิกูร์ดสสันหันหลังให้ประตูยิงไม่ได้เลยจ่ายบอลกลับให้คีลองซัดนอกกรอบแต่บอลก็ลอยข้ามคานไม่ได้ลุ้นอะไร
52'
ไอบ์ซัดฟาเบียนสกี้ปัดทัน
หงส์แดงได้จังหวะใกล้เคียงเลยเมื่อไอบ์ที่ขยับมาเล่นด้านซ้ายลองลากบอลตัดเข้ากลางไปได้สวยแล้วก่อนสับเต็มข้อทว่าฟาเบียนสกี้ไม่หลับพุ่งปัดทิ้งออกหลังไปได้นิดเดียว
56'
เบนเทเก้ได้แค่ยิง
ลิเวอร์พูลกลับมาตั้งหลักบุกได้ต่อเนื่องอีกครั้งโดยพยายามโยนบอลเข้าไปให้ลุ้นจังหวะนี้ไอบ์โขกบอลย้อนกลับมาให้เบนเทเก้ได้ยิงแต่ก็ยังไปติดบล็อคของนอห์ตันก่อนแฉลบออกหลังไปอีกรอบหนึ่ง
62'
มิลเนอร์อัดโทษหงส์นำแล้ว 1-0
หลังจากนวดอยู่นานหงส์แดงมาได้จุดโทษเมื่อไอบ์พยายามปั่นบอลเข้ากลางไปโดนแขนของเทย์เลอร์ที่พยายามกระโดดบล็อคกรรมการมองไลน์แมนแล้วเป่าฟาวล์ทันทีแล้วมิลเนอร์คนเดิมที่เพิ่งกดโทษมากลางสัปดาห์ไม่พลาดซัดเต็มข้อเข้าไปหมดจดส่งให้ลิเวอร์พูลขึ้นนำ 1-0
64'
หายไปนาน!เฮนโด้ลงแทนฟีโน่
และแล้วจอร์แดน เฮนเดอร์สันที่เดี้ยงไปตั้งแต่เดือนส.ค.ก็ได้กลับมาลงสนามโดยลงมาแทนฟิร์เมียโน่พร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีมแทนมิลเนอร์ทันทีขณะที่สวอนซีส่งแจ็ค คอร์กลงมาแก้เกมแทนลีออน บริทตัน
71'
นี่ก็มา!หริดดูกยุงเสียบเบนเทเก้
นี่ก็มาอีกคนสำหรับแดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ที่ยึกๆยักๆไม่ยอมหายเจ็บสักทีได้โอกาสลงสนามมาล่าตาข่ายเป็นนัดแรกในรอบเดือนกว่าแทนคริสเตียน เบนเทเก้ที่ได้ออกไปพัก
75'
มิลเนอร์ยิงได้แค่เสียว
หงส์แดงเกือบได้ประตูทิ้งห่างเมื่อเฮนเดอร์สันจ่ายออกทางซ้ายให้มิลเนอร์จับได้แล้วก่อนบรรจงวิ่งมาใส่เต็มข้อด้วยซ้ายไปทางเสาไกลแต่บอลไม่ตรงกรอบแล้วสเตอร์ริดจ์ก็เข้าไม่ถึง
80'
สวอนซีรุกหนัก
จังหวะเตะมุมของสวอนซีเกือบได้ประตูเลยเมื่อมิลเนอร์โขกเคลียร์ไม่ดีแล้วสวอนซีพยายามสวนขึ้นมาบอลไปชนหัวของวิลเลี่ยนส์จังหวะสุดท้ายแต่ดันห่างไกลกรอบประตูเหลือเกินอดได้ประตูตามระเบียบ
88'
หงส์ตั้งรับเอาชัวร์
ช่วงท้ายเกมลิเวอร์พูลลงไปตั้งรับเน้นเอาผลการแข่งขันอย่างเดียวแล้วปล่อยให้สวอนซีบุกเข้าใส่แต่ก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอันความอันตรายไม่ค่อยมีเท่าไหร่
90+2'
โกมิสซัดนอกกรอบได้เตะมุม
หงส์ขาวยังพยายามดาหน้าบุกไปเรื่อยๆและมาได้ยิงเมื่อโกมิสพลิกบอลได้จากระยะ 25 หลาก่อนตวัดยิงด้วยขวาไปแฉลบชานก่อนออกหลังได้เพียงแค่เตะมุมซึ่งจังหวะต่อมาก็ไม่มีอะไร
หงส์ขยับอันดับ 6
หมดช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 5 นาทีหงส์แดงยันสกอร์เอาไว้ได้พร้อมเก็บชัยนัดที่ 3 ติดต่อกันขยับขึ้นมามี 23 แต้มอยู่อันดับ 6 ของตารางตามหลังแมนเชสเตอร์ ซิตี้และเลสเตอร์ ซิตี้หัวตาราง 6 คะแนน
สวอนซี ซิตี้
Starting Formation: 4-5-1
1.
ลูคัส ฟาเบียนสกี้
6.5
3.
นีล เทย์เลอร์
5.5
6.
แอชลี่ย์ วิลเลี่ยมส์
7
26.
ไคล์ นอห์ตัน
6.5
27.
ไคล์ บาร์ทลี่ย์
7
4.
คี ซุง-เยือง
6
7.
ลีออน บริทตัน
 64'
6
10.
อันเดร อายิว
6.5
15.
เวย์น เร้าท์เลดจ์
 73'
6
23.
กิลฟี่ ซิกูร์ดสสัน
5.5
17.
เอแดร์
 69'
5
ตัวสำรอง
13.
คริสตอฟเฟอร์ นอร์ดเฟลด์ท
22.
อังเคล แรนเกล
33.
เฟเดริโก้ เฟอร์นานเดซ
20.
เจฟเฟอร์สัน มอนเตโร่
 73'
6
21.
แมตต์ กรีมส์
24.
แจ็ค คอร์ก
 64'
6
18.
บาเฟติมบี้ โกมิส
 69'
6
ผู้จัดการทีม
แกรี่ มังค์

Credit : soccersuck.com
ขับเคลื่อนโดย Blogger.